คำถามที่พบบ่อย

ท่านสามารถ download เอกสารใบสมัครเป็นบุคลากรได้จาก ที่นี่ หรือรับเอกสารใบสมัครได้ด้วยตนเอง ที่โรงเรียนดรุณสิกขาลัย)โรงเรียนจะมีการประกาศรับสมัคร บุคลากรทางเว็บไซต์

จำนวนนักเรียน 20 – 22 คนต่อ 1 ห้องเรียน มีระดับชั้นละ 1 ห้องเรียน
การจัดกลุ่มนักเรียน นักเรียนจะได้เปลี่ยนกลุ่มตามโครงงาน ซึ่งทำให้นักเรียนได้ฝึกการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และเพื่อนร่วมงานที่แตกต่างกัน

กิจกรรมการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
1. วิชาโครงงาน (50%) นักเรียนจะเรียนรู้ในโครงงานที่ตนสนใจ โดยครูเป็นผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้และบูรณาการวิชาการเข้าไปในโครงงาน นักเรียนจะได้ทำงานกลุ่มและทำงานเชิงเดี่ยว ซึางจะมีครูที่ปรึกษาโครงงานช่วยสนับสนุน ดูแลอย่างใกล้ชิด

2. กลุ่มวิชาแกนกลาง (30%) ในระดับประถมศึกษา ได้แก่ วิชาภาษาไทย วิชาคณิตศาสตร์ และวิชาภาษาอังกฤษ ในระดับมัธยมศึกษา ได้แก่ วิชาภาษาไทย วิชาคณิตศาสตร์ วิชาภาษาอังกฤษ วิชาวิทยาศาสตร์ และวิชาสังคมศึกษา นอกจากนี้ นักเรียนยังได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจได้อีก เช่น วิชากีฬา ศิลปะ ดนตรี ลูกเสือ และวิทยาการใหม่ๆ ที่น่าสนใจในปัจจุบัน

3. กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (20%)
3.1 กิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อ
3.2 กิจกรรมนักเรียน ได้แก่ วิชาชมรม (Club) กิจกรรมนักศึกษาวิชาทหาร (รด.)
3.3 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
3.4 กิจกรรมส่งเสริมความสามารถและทักษะพิเศษ ได้แก่ การประกวดผลงาน การแข่งขันกีฬา การแสดงความสามารถทางด้านต่างๆ

เรียนวันจันทร์ ถึง วันศุกร์

ระดับชั้นประถมศึกษา เวลา 8.00 น. ถึง 15.30 น.

ระดับชั้นมัธยมศึกษา เวลา 8.30 น. ถึง 16.00 น.

วันหยุด

– วันหยุดประจำสัปดาห์ (เสาร์ – อาทิตย์)

– วันหยุดตามวันหยุดราชการ

– วันหยุดปิดภาคเรียน

ดรุณสิกขาลัยเน้นการสร้างกระบวนการเรียนรู้ใน 2 รูปแบบที่สำคัญดังนี้
1. เครื่องมือในการเรียนรู้ (Learning tools) เครื่องมือที่สำคัญในการเรียนรู้ได้แก่
– ความสามารถทางภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (เป็นขั้นพื้นฐาน)
– ความสามารถทางคณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์ การคิดคำนวณ การให้เหตุผลอย่างน่าเชื่อถือ
– ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ โรงเรียนเน้นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้หมาะสมในการเป็นเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้ การนำเสนอ การประมวลผลความรู้ ใช้เทคโนโลยีในการช่วยพัฒนาทักษะทางการคิดอย่างเป็นระบบ
– การพัฒนาสติและจิตใจ เน้นให้นักเรียนเป็นผู้มีอัตตาต่ำ พึงพอใจในตนเอง ใฝ่เรียนรู้ มีความอ่อน น้อมถ่อมตน มีความอดทนและเคารพในความแตกต่างระหว่างบุคคล พร้อมที่จะเรียนรู้ได้ทุกสถานการณ์และโอกาส

2. การจัดการการเรียนรู้ (Learning management) นักเรียนจะได้มีโอกาสในการจัดการการเรียนรู้ของตนเองด้วยตนเอง เปลี่ยนบทบาทจากการเป็น Passive learner มาเป็น Active learner ที่สามารถจัดการ ออกแบบการเรียนรู้ของตนเองได้ โดยนักเรียนจะต้องฝึกความมีวินัยในตนเอง การควบคุมตนเองให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าจะไม่มีใครดูแลหรือควบคุม ฝึกความรับผิดชอบในหน้าที่ งานที่ได้รับมอบหมาย มุ่งมั่น อุตสาหะทำงานจนบรรลุเป้าหมาย และที่สำคัญคือนักเรียนต้องฝึกที่จะรู้ว่าตนเองมีคุณค่า เห็นความสามารถ ศักยภาพที่มีในตนเอง และพร้อมที่จะพัฒนาและเรียนรู้อยู่เสมอ
นักเรียนดรุณสิกขาลัยจะได้เรียนรู้ ปฏิบัติการจัดการตั้งแต่ยังเล็ก ตั้งแต่การจัดการวางแผนง่ายๆ ไปจนถึงการวางแผนที่เป็นระบบซับซ้อน เรียนรู้การจัดการโครงงานง่ายๆ โครงงานใหญ่ๆ ไปจนถึงการจัดการเวลา ความคาดหวังและชีวิตของตนเอง ผ่านการทำกิจกรรมที่เน้นการปฏิบัติจริง กิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ทั้งสนุกสนาน เอาจริงเอาจัง กดดัน ผ่อนคลาย เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำคัญที่นักเรียนทุกคนจะได้ฝึกฝนตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการเรียนรู้ที่ดรุณสิกขาลัย นั่นก็คือกิจกรรม Reflection และ Show and Share ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกฝนการนำเสนอ อธิบาย แบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆ และคุณครู ในขณะเดียวกันนักเรียนจะได้ฝึกการให้ข้อเสนอแนะ การติชมอย่างจริงใจและสร้างสรรค์ ได้ฝึกฝนการรับฟัง เปิดใจกว้าง รับข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะทั้งติและชมจากเพื่อนๆ และครูเพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาตนเอง

ดรุณสิกขาลัย .. โรงเรียนสำหรับการเรียนรู้.. โรงเรียนที่มิใช่โรงสอน

การจัดการเรียนรู้ที่ดรุณสิกขาลัย มีแนวทางที่สำคัญ 3 ประการคือ
1. การเรียนรู้ผ่านโครงงานแบบ Constructionism ซึ่งเน้นให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่นักเรียนมีความสนใจได้ เราเชื่อว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุด จะเกิดจากความสนใจ ความอยากรู้ของผู้เรียนและเมื่อผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนรู้ของตนเองได้
การเรียนเป็นโครงงานช่วยสนับสนุนให้เกิดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ทำให้เกิดโอกาสในการเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น การพัฒนาวินัยในตนเอง โรงเรียนเน้นไปถึงด้านความสามารถในการบริหารจัดการโครงงานด้วยตนเอง เรียนรู้จากซึ่งกันและกันตลอดเวลา โดยใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อในการเรียนรู้ ในการสื่อสาร

2. การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Learner centered learning) ที่ดรุณสิกขาลัยจัดการเรียนรู้โดยให้ความสำคัญกับนักเรียนเป็นรายบุคคล นักเรียนทุกคนจะได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง ตามบุคลิก ลักษณะ ความถนัดและความสนใจของนักเรียนแต่ละคน ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของครูที่ปรึกษาและผู้ปกครอง นักเรียนจะสามารถค้นหาความถนัด ความสามารถเฉพาะทาง ความสนใจของตนเอง ได้ตั้งแต่เริ่มต้นการศึกษา รวมไปถึงการค้นหาวิธีการเรียนรู้ของตนเอง ฝึกฝนกระบวนการเรียนรู้จนเกิดความเชี่ยวชาญและเป็นผู้ใฝ่รู้ มีความสุขและรักการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างแท้จริง

3. การพัฒนาสติ (Mindfulness development) การพัฒนาสติเป็นสิ่งที่สำคัญในการเรียนรู้และการดำรงชีวิต ผู้ที่จะเรียนรู้ได้ดีต้องมีความสงบในจิตใจ มีสติและมีสมาธิที่มั่นคง รับรู้และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้แล้ว โรงเรียนยังเน้นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม การอุทิศตนให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น การรู้จักหักห้ามใจตนเอง การแก้ปัญหาต่างๆ อย่างมีสติ เรามีกิจกรรมค่ายเป็นประจำทุกปี เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต และคุณธรรมจริยธรรมในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น นักเรียนจะได้ทำกิจกรรมฝึกสติเป็นประจำทุกวันร่วมกับเพื่อนๆ และคุณครู และโรงเรียนยังเน้นให้มีการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ระหว่างการเรียนและการทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย

ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ผู้ปกครองชำระเงินสนับสนุนเพื่อการศึกษา ดังนี้
ระดับประถมศึกษา 111,600 บาท / ภาคเรียน
ระดับมัธยมศึกษา 122,800 บาท / ภาคเรียน

ครอบคลุมค่าใช้จ่ายดังนี้
• ค่าอาหารกลางวัน ของว่าง นม
• ตำรา หนังสือเรียน
• สื่อการเรียนการสอน สื่อเทคโนโลยีต่างๆ
• ทัศนศึกษานอกสถานที่ภายในโครงงาน ในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑลแบบไม่ค้างคืน
(ยกเว้นการเข้าค่ายต่างจังหวัด ปีละไม่เกิน 2 -3 ครั้ง จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายสมทบจากผู้ปกครอง 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่าย)

หมายเหตุ
• 1 ปีการศึกษา มี 3 ภาคเรียน
• ค่าใช้จ่ายในช่วงทดลองเรียน ผู้ปกครองต้องชำระเต็ม 1 ภาคเรียน ( 1 ภาคเรียน ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน )
• โรงเรียนไม่มีการเก็บเงินกินเปล่า (แป๊ะเจี๊ยะ)
• ค่าเล่าเรียนจะมีการปรับตามค่าครองชีพ Consumer Price Index ซึ่งจะมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าทุกปีการศึกษา(โดยประมาณ 3-5% โดยใช้ตัวเลขอ้างอิงจากกระทรวงพาณิชย์ฯ )

โรงเรียนขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนี้ (กรุณาติดต่อทางโรงเรียนเพื่อทราบอัตราค่าใช้จ่ายก่อนสมัคร)

ผู้ปกครอง/หน่วยงาน/องค์กร สามารถติดต่อขอเข้าเยี่ยมชมหรือศึกษาดูงานโรงเรียน ได้โดยติดต่อลงทะเบียนล่วงหน้า

หมายเลขโทรศัพท์ 0-2470-8315-8

1. กำหนดการเปิดรับสมัคร

เปิดรอบที่ 1 ยื่นใบสมัครตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. – 31 ก.ค.

วันคัดเลือกภายในเดือน ส.ค.

ประกาศผลภายใน 7 วัน หลังจากวันคัดเลือก

ยืนยันสิทธิ์และชำระเงิน ภายใน 14 วัน หลังจากวันประกาศผล

*กรณีนักเรียนยังไม่เต็มชั้น

เปิดรอบที่ 2 ยื่นใบสมัครตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 30 พ.ย.

วันคัดเลือกภายในเดือน ธ.ค.

ประกาศผลภายใน 7 วัน หลังจากวันคัดเลือก

ยืนยันสิทธิ์และชำระเงิน ภายใน 14 วัน หลังจากวันประกาศผล

*กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

2. คุณสมบัติผู้สมัคร

2.1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

– อายุ 5 ปี 6 เดือน ขึ้นไป

– กำลังเรียนชั้นอนุบาล 3 หรือเทียบเท่า

2.2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 – มัธยมศึกษาปีที่ 4

– ต้องเป็นผู้กำลังศึกษาตามลำดับชั้นเรียน

3. หลักฐานประกอบการสมัคร

3.1 รูปถ่ายนักเรียน 1 รูป

3.2 สูติบัตรนักเรียน

3.3 ทะเบียนบ้านนักเรียน

3.4 หนังสือรับรองสภาพการเป็นนักเรียน

3.5 ใบรับรองผลการศึกษา (ปพ.7) หรือ รายงานผลการเรียนเทอมล่าสุด (สมุดพก)

3.6 หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ – สกุล ของนักเรียน บิดา มารดา (ถ้ามี)

4. ชำระค่าสมัคร 200 บาท (สองร้อยบาท) เมื่อได้รับการยืนยันนัดหมายวันเข้ากระบวนการพิจารณาคัดเลือก

5. กระบวนการพิจารณาคัดเลือกเข้าเรียน

สำหรับนักเรียน

– ภาคปฏิบัติ = ทำกิจกรรมการเรียนรู้/กิจกรรมสถานการณ์จำลอง/Playgroup

– ภาคทฤษฎี = ทดสอบความรู้พื้นฐาน 3 วิชา (ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์)

สำหรับผู้ปกครอง

– คุณพ่อและคุณแม่เข้าร่วมการสัมภาษณ์ โดยผู้บริหาร ฝ่ายวิชาการและที่ปรึกษาด้านจิตวิทยา

รับนักเรียน โดยพิจารณาคุณสมบัติของผู้ปกครองและนักเรียนดังนี้

คุณสมบัติผู้ปกครอง

1. มีทัศนคติ แนวคิดทางด้านการศึกษาที่เป็นไปตามแนวทางการจัดการศึกษาของดรุณสิกขาลัย เน้นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง พัฒนานักเรียนตามศักยภาพของนักเรียนแต่ละบุคคล เรียนรู้แบบบูรณาการทั้งทางด้านวิชาการ ทัศนคติ ทักษะต่างๆและทางด้านสังคม โดยเน้นหนักที่กระบวนการเรียนรู้ ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองและการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นและมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ไม่เน้นความเป็นเลิศทางวิชาการแต่เพียงอย่างเดียว

2. ผู้ปกครองมีเวลาดูแล เอาใจใส่นักเรียน และยินดีให้ความร่วมมือกับกิจกรรมของทางโรงเรียนอย่างเต็มที่ เนื่องจากการศึกษาในระบบนี้ นักเรียนจะเรียนรู้อย่างต่อเนื่องทั้งที่บ้านและโรงเรียน จึงเป็นระบบที่ต้องการการประสานงานและความช่วยเหลือจากผู้ปกครองอย่างเต็มที่

3. ผู้ปกครองมีเวลามาร่วมทำกิจกรรมกับทางโรงเรียน เช่น การนัดพบผู้ปกครอง การประชุมผู้ปกครอง กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมการเรียนรู้อื่นๆ

คุณสมบัตินักเรียน

1.รับนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 4

2.ไม่มีความพิการหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษ (Non-special needs) ไม่มีปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าวที่จะเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น

3. มีทักษะทางสังคมเป็นที่ยอมรับของกลุ่มและมีคุณลักษณะในการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นได้

เจตนารมณ์ในการก่อตั้งโรงเรียนดรุณสิกขาลัย

นับตั้งแต่ปี 2540 โครงการ Lighthouse Project มูลนิธิศึกษาพัฒน์ ได้นำเอาหลักการ Constructionism ของ Prof. Seymour Papert แห่ง The Media Lab of Massachusetts Institute of Technology (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา มาประยุกต์ใช้กับกลุ่มผู้ที่สนใจปฏิรูปการเรียนรู้ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย พบว่า ผู้ผ่านการอบรมจำนวนมากมีความกระตือรือร้นที่จะนำแนวทาง Constructionism ไปทดลองใช้ในสถานศึกษาของตน แต่ไม่สามารถขยายผลในโรงเรียนได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดที่ขัดขวางการนำแนวทางดังกล่าวไปใช้ในการปฏิรูปการศึกษาในโรงเรียน เช่น ปัญหาการปรับตารางเรียนให้มีคาบเรียนที่ยาวต่อเนื่องกันมากขึ้นสำหรับการทำโครงงาน ปัญหาการเชื่อมโยงวิชาต่าง ๆ ปัญหาวิธีการประเมินผลโครงงาน เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือไม่สามารถเปลี่ยน Mindset ของครูและผู้บริหารส่วนใหญ่ได้

คณะผู้บริหารโครงการ Lighthouse มูลนิธิศึกษาพัฒน์ ( โดยคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และคุณ แบงกอก เชาวน์ขวัญยืน ) จึงเกิดความคิดขึ้นว่า เราต้องมีโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนตามหลักการ Constructionism ที่มีรูปแบบชัดเจนเป็นตัวอย่าง คือการจะผลิตผู้เรียนรู้ที่ดีได้ จะต้องมีนักเรียนอย่างน้อยหนึ่งกลุ่มที่โรงเรียนใช้วิธีการเรียนการสอนในแนว Constructionism อย่างสมบูรณ์โดยเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาเป็นต้นไปและลงลึกไปจนจบชั้นมัธยมศึกษาเพื่อที่นักเรียนกลุ่มนี้ จะได้รัประสบการณ์ทางการศึกษาในแนวนี้อย่างลึกซึ้งและต่อเนื่องตลอดไป จนเกิดเป็น นวัตกรรม ในการเรียนรู้ขึ้นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติทุกประการ จึงริเริ่มดำเนินการก่อตั้งโรงเรียนดรุณสิกขาลัยให้เป็นโครงการโรงเรียนนำร่อง ตั้งแต่ต้นปี 2544 โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิไทยคม มูลนิธิศึกษาพัฒน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ The Media Lab of MIT