“DSIL14” ตอนจบของหนังสือรุ่น

การเดินทางมาถึงตอนจบของหนังสือรุ่นเล่มใหญ่ “DSIL14” ที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความทรงจำ ของมิตรภาพตลอดช่วงชีวิตมัธยม ทุกเรื่องราวมีความหมายต่อการเติบโต กับการพร้อมเริ่มต้นบทใหม่ของการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย มาฟังเรื่องราวจากตัวแทนนักเรียนโรงเรียนดรุณสิกขาลัย รุ่นที่ 14 ที่กำลังจะจบการศึกษาอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม 2566 นี้ ร่วมรับฟังความประทับใจและความสนุกที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ไปพร้อมกัน

คนแรก หนุ่มนักประดิษฐ์มาดนิ่ง “นีร ปัณณวิชญ์ บุญโต” คณะวิศวกรรมศาสตรหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ หลักสูตรนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เล่าเรื่องการเรียนที่ดรุณ ให้คนที่ไม่รู้จักโรงเรียนเราให้ฟังหน่อย

เป็นโรงเรียนแนว Project Based Learning ซึ่งนั่นแปลว่าเราจะได้เรียนวิชาบังคับหรือวิชา Core น้อยกว่าที่อื่นๆ แต่ได้ทำโปรเจ็คแทน ซึ่งโปรเจ็คนั้นคือเราจะเลือกทำตามสิ่งที่เราสนใจและอยากลองแก้ปัญหาหรือสร้างนวัตกรรม แต่ถ้าเรายังไม่แน่ใจว่าเราสนใจอะไรโรงเรียนก็สนับสนุนให้เราลองทำโปรเจ็คหลายๆ แบบ เพื่อค้นหาความชอบความถนัดของตัวเอง เตรียมพร้อมเราด้วยการลงมือทำจริงด้วย

เล่าวิชาเรียนที่ชอบที่สุด

Fab Learn Lab ครับ เป็นวิชาที่เราได้ลองเขียนโปรแกรม ใช้งานโปรแกรมออกแบบ และใช้เครื่องมืองานไม้ต่างๆ เป็นวิชาที่เปิดโลกการเขียนโปรแกรมให้ผมมายืนจุดๆ นี้ได้เลยครับ

ทำไมถึงเลือกเรียนวิศวะ

ชอบหุ่นยนต์และการเขียนโปรแกรมมาตั้งแต่เด็กครับ และก็ไม่เคยเปลี่ยนมาจนถึงตอนโต แน่นอนว่าผมก็ได้ลองทำอย่างอื่นด้วย แต่ก็ไม่ชอบเท่ากับการเขียนโปรแกรมจนเห็นหุ่นยนต์ขยับตามที่เราต้องการ

ถ้าเพื่อนๆ มาเรียนที่ดรุณ จะได้รับความพิเศษอย่างไรบ้าง

ถ้าชอบลงมือทำแล้วเรียนรู้ด้วยการได้สัมผัสจริงๆ ที่นี่จะเป็นที่ๆ เหมาะกับคุณเลย ลองทำโครงงานประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะวิศวะ วิทยาศาสตร์ ทำอาหาร การแสดง ศิลปะ ที่นี่พร้อมจะสนับสนุนทุกคน

คนที่สองสาวหมวยสุดจี๊ดมากความสามารถ “จีน ธฤตวัน กังเสถียร” University of Massachusetts Amherst, political science ,University of Washington, political science ,University of Oregon, political science

ทราบว่าน้องจีนสอบติดหลายที่มากๆ ขอเคล็ดลับความเก่ง      

ฝึกภาษาอังกฤษให้ดีมากๆ โดยเฉพาะทักษาการเขียนค่ะ ต้องฝึกเขียน essay  ให้คล่องๆ เพราะหลายๆมหาลัยจะดูคะแนนที่เป็นตัวเลขน้อยลงมาก แล้วมาดูกระบวนการคิดของเราผ่าน essay แทนค่ะ

เล่าความมันส์ในรั้ว ดรุณให้เพื่อนๆน้องๆฟังหน่อย

เพื่อนๆกับครูเลยค่ะ นักเรียนมีกันอยู่ไม่เยอะก็เลยค่อนข้างสนิทกับรุ่นพี่รุ่นน้องได้ง่าย ส่วนครูก็ส่วนใหญ่คุยเล่นได้ค่ะ

หลักสูตรการเรียนที่นี่มันปังยังไง 

ความสนุกของดรุณอยู่ที่ความยืดหยุ่นของคาบเรียนค่ะ บางคาบก็ได้เรียนผ่านวิธีแปลกๆเยอะเลย อย่างเรียนเลขผ่านบอร์ดเกมก็มีค่ะ

จะจบจากดรุณแล้วอยากบอกอะไรเพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกันจนถึงวันปัจฉิมแล้ว

อย่าลืมความสนุกของช่วงเวลานี้ไปนะ! แยกย้ายกันไปเติบโตแล้วกลับมาเจอกันด้วยนะ

อีกหนึ่งสาวมากความสามารถ ทั้งด้านการเรียน การทำกิจกรรม และความสามารถพิเศษอื่นๆ “ใบบัว พัฒน์นรี พลกุล” กำลังสอบเข้าคณะเเพทย์ศาตร์

ทราบว่าระดับชั้นมัธยมต้น เราเรียนที่อังกฤษ เล่าถึงการปรับตัวเมื่อมาเรียนที่ดรุณ

เรื่องของการเรียนการสอน สังคม เพื่อนๆ เเละคุณครูของทั้งสองที่นั้นเเตกต่างกันสิ้นเชิงค่ะ หนูยังจำได้แม่นเลยค่ะว่าก่อนที่จะได้เข้ามาเรียนในโรงเรียน มีเพื่อนในระดับชั้นเดียวกันส่งข้อความมาทักทาย พูดคุย ทำความรู้จักกับหนูก่อน ทำให้ช่วงเวลาของวันแรกที่เข้าไปผ่านไปอย่างราบรื่น ซึ่งนี่ก็ถือเป็นหนึ่งเรื่องของความประทับใจที่จำแม่นเลยค่ะ

เล่าความฝันในอนาคต และการเตรียมตัวเดินตามฝันในระดับมหาวิทยาลัย

ความฝันในอนาคตของหนูคือการได้เป็นหมอค่ะ ทำให้ตอนนี้วุ่นอยู่กับการเตรียมพอร์ตเเล้วก็อ่านหนังสือสอบ

เล่าถึงงานอดิเรกของเรา ตัวตนของเราที่คนอื่นไม่รู้

พูดถึงงานอดิเรกเเล้วต้องขอบอกเลยว่ามีเยอะมากค่ะ หนูชอบวาดรูป ทำอาหาร อ่านหนังสือ ทำขนม เล่นดนตรี ออกไปทำกิจกรรมด้านนอก เช่น ปีนหน้าผาบ้าง วิ่งบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าในตอนนั้นมีเวลามากน้อยเเค่ไหน แต่กิจกรรมที่ทำบ่อยสุดคืออกไปถ่ายรูปเนื่องจากส่วนตัวคิดว่าการถ่ายภาพเป็นการเก็บบันทึก moment ที่เกิดขึ้นในช่วงพริบตาเอาไว้ได้ตลอดกาลค่ะ

ที่นี่ได้ข่าวว่าทำกิจกรรมเยอะมาก เล่ากิจกรรมเด่นๆให้ฟังหน่อย

ระหว่างสามปีที่ได้อยู่ที่นี่มีกิจกรรมให้เข้าร่วมเยอะแยะเลยค่ะ มีตั้งแต่สมัครเข้าเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการนักเรียน เป็นประธานคณะกีฬาสี กิจกรรม Halloween โครงการค่ายอาสา เรียนรู้ภาคสนาม (Field Trip) และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจากการทำกิจกรรมเหล่านี้เปิดโอกาสให้เราได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ น้องๆ และคุณครูค่ะ

มาถึงคิวของสาวห้าว ที่มีสไตล์เป็นของตัวเองชัดเจน “ดีดี้ ธัญญ์นภัส เพียรชูพัฒน์” สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

เรียนที่ดรุณแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร

ที่ดรุณมีการเรียนที่ไม่น่าเบื่อ มีกิจกรรมระหว่างการเรียนการสอน ด้วยความที่มีนักเรียนน้อย ทำให้สนิทกันแม้จะต่างระดับชั้น คุณครูก็เข้าใจนักเรียน เหมือนกับเป็นคนในครอบครัวเลยค่ะ

ทราบว่าเราสอบเข้าได้ที่ฟีโบ้ มจธ. ทำไมเราถึงอยากเรียนด้านนี้

เพราะว่าตอนหนูเขามาที่นี่ปีแรกลองไปเข้าหลายๆบ้านมาก่อน คือ วิศวะ ปิ่นโต mission to the moon จนตอนม.5 รู้สึกชื่นชอบด้านวิศวะมากกว่า เลยทำโปรเจคแนวนี้มาตลอด จนชอบในเรื่องของหุ่นยนต์เป็นพิเศษ

เล่าเรื่องการเตรียมตัวสอบเข้าฟีโบ้ให้น้องๆที่สนใจเรียนแบบเราหน่อย

หนูไปงานของฟีโบ้มา ได้ไปถามพี่ๆที่เรียนว่าตอนสัมภาษณ์มีอะไรบ้าง จะโดนถามแบบไหน แล้วหนูก็มานั่งซ้อมตอบกับตัวเอง แต่ที่สำคัญคือต้องจำหลักการของโปรเจคที่ทำให้ได้ ส่วนพอร์ตหนูก็ไปหาดูตามเน็ตกับของรุ่นพี่ที่ครูส่งมาว่าคนอื่นเขาทำใส่ข้อมูลอะไรบ้าง แล้วก็เอามาปรับใช้กับของตัวเอง

ประทับใจอะไรที่สุดที่ดรุณ

ชั้น 5 ของโรงเรียน มีสนามฟุตซอลลอยฟ้า เพราะหนูรู้สึกบรรยากาศมันดีมากๆลมมันเย็นดี ถ้าหนูเบื่อก็จะชอบไปนั่งคิดอะไรแถวนั้นเลย

คนสุดท้าย กับสตรีทบอยสุดคูล “กาก้า อาชว์ สรรสันทัด”

เล่าถึงวิชาเรียนที่คิดว่าสนุกที่สุดและแปลกกว่าที่อื่น 

วิชาที่ผมคิดว่าสนุกเเละเเปลกกว่าที่อื่น นั้นก็คือวิชา Project เพราะว่าผมได้ทำในสิ่งที่ผมชอบ ได้เรียนในเรื่องที่อยากเรียนเพื่อทำเป็นโครงงานที่ผมอยากทำ เเละที่สำคัญคือได้ลงมือทำมันจริงๆ โดยที่ได้จัดการวางเเผน จัดการเวลาทำงานเองครับ

ที่นี่ได้ยินว่ามีกีฬาให้เล่นเยอะมาก อยากให้ชวนน้องๆที่สนใจมาสนุกกัน

ผมชอบไปเเตะบอลตอนเวลาพักเที่ยงกับเพื่อนเเละน้องๆ อยู่เป็นประจำ อยากชวนให้น้องๆ มาเล่นกันนะครับ

เล่าเรื่องประทับใจที่สุดตั้งแต่เรียนดรุณมา

ประทับใจบุคลากรในโรงเรียนไม่ว่าเป็น คุณครู พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ลุงยาม ป้าเเม่บ้าน ทุกๆคนเป็นกันเองมากๆ สามารถไปทักทายหรือพูดคุยด้วยได้ทุกๆ คน ทำให้สังคมในโรงเรียนนี้หน้าอยู่เเละอบอุ่นครับ

เป้าหมายในรั้วมหาวิทยาลัย

เรียนให้รอดสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ จัดการบริหารเวลาให้ดี เรียนอย่างมีความสุข เต็มที่กับการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเยอะๆ

หนังสือเล่มเก่าอาจจะจบลง เหลือเพียงภาพความทรงจำที่สวยงาม แต่การเดินทางบทใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน เติบโตอย่างมีความสุขในเส้นทางที่คาดหวัง ขอให้ทุกความฝันเป็นจริง และหนังสือเล่มใหม่เต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ ดั่งที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ “DSIL”